ผ้าที่ขึ้นชื่อของประเทศไทยที่ใครๆ ก็นึกถึงนั้นก็คือ “ผ้าไหม” นั้นเองครับ ซึ่งเราเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะไม่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของ “ผ้าไหมไทย” กันอย่างแน่นอนครับ บทความนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ประวัติผ้าไหมไทย” กันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปดูกันดีกว่า!!

ทำความรู้จักกับผ้าไหมไทย

ผ้าไหมไทย เป็นผ้าไหมซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากผ้าไหมทั่วไป กล่าวคือ มีแสงแวววาวเป็นมันเลื่อม เนื้อผ้าเเข็งไม่เรียบ อ่อนนุ่ม มีน้ำหนัก บางชนิดเป็นปุ่มปมอันเนื่องมาจากระดับคุณภาพซึ่งเกิดในกระบวนการผลิตแต่ก็ทำให้ได้รับความนิยมของคนบางกลุ่มเพราะดูแล้วมีความแปลกตา

ประวัติความเป็นมาของผ้าไหมไทย

ประวัติของผ้าไหม ที่มีหลักฐานและการค้นพบเก่าแก่ที่สุด พบที่ประเทศจีน ประมาณ 4,700 กว่าปีที่ก่อน โดยมีหลักฐานที่สามารถอ้างถึงได้ คือ หนังสือจีนโบราณชื่อ “ไคเภ็ก” ที่กล่าวถึงราชวงศ์จีน พระนาง หนึ่งว่าเป็นผู้ริเริ่มค้นพบการทอผ้าจากเส้นใยไหม

ส่วนในประเทศไทยพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทอผ้าไหมที่เก่าแก่ที่สุดประมาณ 3,000 กว่าปีที่แล้ว โดยพบเศษผ้าไหมของวัฒนธรรมบ้านเชียง ณ บ้านนาดี อำเภอหนองหาญ จังหวัดอุดร และบริเวณพื้นที่อื่นๆในภาคอีสาน ซึ่งจากการสันนิษฐาน พบว่า มีการเลี้ยงตัวไหม และนำมาทอเป็นผ้าไหมเป็น ใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม กระจายทั่วไปในแถบภาคอีสาน สายพันธุ์ไหมที่ใช้เป็นสายพันธุ์พื้นเมืองที่มีการฟักตัวได้ตลอดทั้งปี มีลักษณะรูปร่างเรียวเล็กสีเหลือง ในส่วนภาคอื่นๆ ของประเทศมีหลักฐานตรวจพบถึงการทอผ้าไหมเป็นเครื่องนุ่งห่มปรากฏตามจารึกของพงศาวดารต่างๆ ตั้งแต่สมัยอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงรัชสมัยปัจจุบัน

      ต่อมาการทอผ้าไหมได้มีการปรับปรุง พื้นฟู และได้อนุรักษ์ไว้ในโครงการต่างๆ และหน่วยงานต่างๆ ทำให้มีการปรับปรุงดัดแปลง และเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมสำหรับแต่ละครอบครัวในการทอผ้าไหมสำหรับงานบุญ และเป็นรายได้เสริมแก่ครอบครัวนั่นเอง

ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยแบ่งออกเป็นกี่ชนิด

ผ้าไหมไทยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่…

นกยูงสีทอง (Royal Thai Silk) เป็นผ้าไหมชึ่งผลิตจากวัตถุดิบ เส้นไหม กระบวนการผลิตแบบภูมิปัญญาพื้นบ้านดั้งเดิมของไทยอย่างแท้จริงและใช้เส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านเป็นทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน เส้นไหมจะต้องสาวเส้นด้วยมือผ่านพวงสาวลงภาชนะ การทอด้วยกี่ทอมือแบบพื้นบ้านชนิดพุ่งกระสวยด้วยมือ ย้อมด้วยสีธรรมชาติ หรือสีเคมีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และต้องผลิตในประเทศไทย

นกยูงสีเงิน (Classic Thai Silk) เป็นผ้าไหมซึ่งผลิตขึ้นแบบภูมิปัญญาพื้นบ้านผสมผสานกับการประยุกต์ใช้เครื่องมือและกระบวนการผลิตในบางขั้นตอน ใช้เส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านหรือที่ได้รับการปรับปรุงจากพันธุ์ไทยเป็นเส้นพุ่งหรือเส้นยืน เส้นไหมต้องผ่านการสาวด้วยมือ หรืออุปกรณ์ที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนขนาดไม่เกิน 5 แรงม้า การทอต้องทอด้วยกี่ทอมือชนิดพุ่งกระสวยด้วยมือหรือกี่กระตุก และต้องทำการผลิตในประเทศไทย

นกยูงสีน้ำเงิน (Thai Silk) เป็นผ้าไหมซึ่งผลิตด้วยภูมิปัญญาของไทยโดยการประยุกต์เทคโนโลยีการผลิตให้เข้ากับสมัยนิยมและทางธุรกิจธุรกิจ ใช้เส้นไหมแท้เป็นเส้นพุ่งและเส้นยืน ย้อมสีด้วยสีธรรมชาติ หรือสีเคมีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทอด้วยกี่แบบใดก็ได้ และต้องผลิตในประเทศไทย

นกยูงสีเขียว (Thai Silk Blend) เป็นผ้าไหมซึ่งผ่านกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับภูมิปัญญาไทย เช่น ลวดลาย สีสัน ใช้เส้นใยไหมแท้กับเส้นใยอื่นที่มาจากวัสดุธรรมชาติ หรือเส้นใยสังเคราะห์ต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน หรือตามความต้องการของผู้บริโภค เส้นไหมแท้เป็นองค์ประกอบหลัก มีเส้นใยอื่นเป็นส่วนประกอบรอง สัดส่วนการใช้เส้นใยชนิดอื่นประกอบต้องระบุให้ชัดเจน ทอด้วยกี่ชนิดใดก็ได้ ย้อมสีด้วยสีธรรมชาติ หรือสีเคมีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และต้องผลิตในประเทศไทย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ “ประวัติความเป็นมาของผ้าไหมไทย” ที่เราได้นำมาฝากท่านผู้อ่านกันในบทความนี้ หวังว่าจะชอบและช่วยเพิ่มความรู้ให้กับทุกๆ ท่านกันนะครับ