ผ้าไหมไทย นับว่าเป็นสิ่งที่ต่างชาติคิดถึงรองจากเรื่องของรสชาติอาหารการกินกันอย่างแน่นอน เพราะผ้าไหมเป็นที่ต้องการของตลาดโลกเป็นอย่างมากครับ แต่ท่านทราบกันหรือไม่ว่า.. ทำไมผ้าไหมถึงได้รับความนิยม ผ้าไหมไทยมีคุณสมบัติพิเศษอะไรหรือปล่าว? บทความนี้จะพาทุกท่านไปค้นหาคำตอบกันครับ

คุณสมบัติเด่นของผ้าไหมไทย

ผ้าไหมไทย หรือ Thai silk เป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงเป็นเสมือนสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศไทยด้วยเหตุผลที่ความสวยงาม ความอ่อนนุ่มสบาย และมีความเลื่อมเงางามโดยธรรมชาติ เมื่อสวมใส่ดูหรูหรา ภูมิฐาน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ “เมื่ออากาศร้อน ผ้าไหมช่วยคลายให้เย็นได้ ส่วนเวลาอากาศหนาว ผ้าไหมบางๆ กลับช่วยให้อุ่นสบาย” พราะผ้าไหมถักทอขึ้นจากเส้นใยไหมที่มีขนาดเล็กละเอียด เป็นเส้นใยชนิดเส้นใยยาว จึงทอเป็นผ้าได้ที่สวยงามเนื้อผ้าอ่อนนุ่ม ดูบอบบาง ขณะเดียวกันด้วยความเหนียวทนทานของเส้นใยไหม จึงทำให้สามารถใช้ผ้าไหมสวมใส่ในชีวิตประจ าวันได้ดี การดูแลที่เหมาะสมจะท าให้ผ้าไหมหรือผลิตภัณฑ์ผ้าไหม คงความสวยงามและคงคุณสมบัติดีเด่นได้ยาวนาน

สาเหตุที่จะบ่งบอกว่า “ทำไมผ้าไหมไทยถึงดังและเป็นที่ต้องการ”

สาเหตุหนึ่งที่ผู้บริโภคในตลาดส่งออกที่สำคัญนิยมผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยมากขึ้น เนื่องจากผ้าไหมของไทยมีการผลิตทั้งแบบที่เป็นงานฝีมือทอด้วยมือ และแบบที่ทอด้วยเครื่องจักร แบบผ้าไหมที่ทอด้วยมือ จะเป็นผ้าค่อนข้างหนา แต่มีความละเอียดอ่อนสวยงาม ประณีต โดยเฉพาะผ้าไหมไทยที่ใช้เส้นพุ่งที่สาวด้วยมือจะมีลักษณะเป็นปุ่มปม มีความแวววาวในตัวเอง มีลวดลายและสีสันสวยงามเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผ้าไหมไทยที่แตกต่างจากผ้าไหมของประเทศอื่น ประเทศไทยจึงสามารถครองตลาดต่างประเทศสำหรับผ้าประเภทนี้ได้

รูปแบบ และคุณลักษณะพิเศษของผ้าไหมไทย

      เอกลักษณ์ของชาติไทย จะถูกถ่ายทอดให้ปรากฏเป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายไทย ดอกไม้รูปทรงเรขาคณิต รูปสัตว์ สัญลักษณ์ประจำท้องถิ่นต่างๆมากมายมาถ่ายทอดโดยการทอลงบนผืนผ้า โดยฝีมือและภูมิปัญญาของชาวบ้าน ลวดลายดังกล่าวละเอียดอ่อน สวยงาม อ่อนช้อย ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย สง่างาม มีเสน่ห์ และยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ผ้าไทยได้รับความนิยมคือ คุณสมบัติพิเศษเฉพาะของเส้นใย

      ผ้าไหม ทำจากเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากสัตว์จำพวกหนอนไหม โดยคายเส้นใยออกมาทางปากมีความยาวต่อเนื่อง เมื่อนำมาทอเป็นผืนผ้าทำให้อ่อนนุ่ม เป็นมัน เหนียว ยืดหยุ่นได้ดี ดูดซับความชื้น ย้อมสีง่ายและสวมใส่สบายเนื่องจากมีความชื้นในตัวเอง (Moisture Regain) นอกจากข้อดีต่างๆแล้วผ้าไหมของไทยยังคงมีข้อจำกัดคือ เส้นใยไหมเสื่อมคุณภาพได้ง่าย หากถูกความร้อนสูงจากเตารีด แสงแดด นอกจากนี้แมลงชอบกัดกินเส้นไหมเพราะเป็นเส้นใยโปรตีน และสีที่ย้อมจะเสื่อมคุณภาพเมื่อถูกความชื้นมากเกินไป ดังนั้นควรเก็บรักษาไว้ในที่แห้ง จากความประณีตทำให้ผ้าไหมไทยมีราคาที่สูงในระดับหนึ่ง คงเอกลักษณ์ แต่ค่อนข้างจะดูแลยาก ดังนั้นผ้าไหมจึงได้รับความนิยมยังไม่สูงมากนักในสังคม แต่จะนิยมแค่คนบางกลุ่ม

ชนิดของผ้าไหม

ผ้าไหมมีมากมายหลากหลายชนิด โดยแบ่งแยกตามภูมิภาค และประเพณีดั้งเดิม โดยแต่ละที่จะมีลวดลายที่แตกต่างกัน โดยการจำแนกชนิดของผ้าไหมจะจำแนกตามลวดลายที่ได้ทอขึ้นมาซึ่งมีมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่จะขอยกเพียงตัวอย่างชนิดของผ้าเพื่อเป็นแบบอย่างในการเลือกซื้อ หรือการปรับปรุงการใช้งานต่อไปของคนรักการออกแบบตกแต่งภายในซึ่งมีดังต่อไปนี้

      – ผ้ายก เป็นผ้าไหมที่ทอลายในตัว โดยใช้เส้นพุ่งพิเศษเป็นดิ้นเงินดิ้นทอง ทอกันแพร่หลายในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่รู้จักกันแพร่หลายในชื่อของ “ไหมพุมเรียง”

      – ผ้าจก เป็นผ้าที่ใช้วิธีการเก็บและทอเช่นเดียวกับผ้าขิด แต่มีการทำลวดลาย ด้วยการเพิ่มเส้นพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วงๆไม่ติดต่อกันทำให้สามารถ สลับสีและลวดลายได้ ลักษณะผ้าจึงมีสีสันและลวดลายมากกว่าผ้าที่ได้จากการทำขิด แหล่งผลิตผ้าจกที่มีชื่อเสียง ได้แก่ สุโขทัย เชียงใหม่ ราชบุรี อุตรดิตถ์ ผ้าที่มีการทำขิดหรือจกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เช่น ผ้ากาบบัว ซึ่งเป็นผ้าเอกลักษณ์ของจังหวัดอุบลราชธานี

      – ผ้าแพรวา เป็นผ้าทอที่มีลักษณะลวดลายผสมกันระหว่างลายขิดและจกบนผืนผ้า ผ้า “แพรวา” หมายถึง ผ้าที่มีความยาวประมาณวา เพื่อใช้เป็นสไบ แพรวาเป็นผ้าซึ่งใช้ในงานพิธีต่างๆ ตามวัฒนธรรมของชาวภูไท เอกลักษณ์ดั้งเดิมจะมีสีแดงเป็นพื้นปัจจุบันได้มีการดัดแปลงลักษณะของผืนผ้าทั้งความกว้างและความยาวและใช้สีสันตามสมัยนิยม

      – ผ้ามัดหมี่ มีกำเนิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การมัดหมี่แพร่หลายทั่วไปทั้งภาคกลางและภาคเหนือ ส่วนใหญ่ผ้ามัดหมี่จะมัดเฉพาะเส้นไหมพุ่งผ้ามัดหมี่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ผ้าหางกระรอก ผ้าโฮล ผ้าปูมผ้ามัดหมี่ แบ่งได้ 2 ชนิด คือ ผ้า 2 ตะกอ และผ้า 3 ตะกอ มีลักษณะผ้าเนื้อแน่นและด้านหน้าเงางามกว่าด้านหลัง

      – ผ้าไหมเกาะหรือล้วง เป็นลายผ้าไหมที่ทอจากคนไทยลือที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ เช่น จังหวัดน่าน และพะเยา ลักษณะลายผ้า เรียกว่า ลายน้ำไหล ซึ่งหมายถึงเป็นลักษณะของสายน้ำไหล ลวดลายเรียบง่าย แต่ทำได้ยากยิ่ง ทำด้วยเทคนิคพิเศษที่สืบทอดกันมา ซึ่งอาศัยเวลานานการทำลวดลายโดยจะมีแถบลายแคบๆ บริเวณกึ่งกลางของผ้า

      – ผ้าไหมพื้น เป็นผ้าไหมที่ทอลายขัดโดยใช้เส้นยืน และเส้นพุ่มธรรมดาตลอดกันทั้งผืน ผ้าที่ออกมาจะเป็นผ้าสีพื้นเรียบไม่มีลายโดยใช้เส้นยืนและเส้นพุ่งเป็นสีเดียวกันหรือใช้สีต่างกันก็ได้ เป็นผ้าที่นิยมใช้กันทั่วไป ซึ่งผ้าไหมไทยที่ส่งออกต่างประเทศ

      ผ้าไหมไทยมีความหลากลายทางลวดลาย ทำให้มีการดัดแปลง ออกแบบได้ง่ายตามยุคสมัย ซึ่งปัจจุบัน ได้มีการนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานมากมาย ทั้งเครื่องนุ่งห่ม ของใช้ของตกแต่งต่างๆมากมาย รวมทั้งการนำมาดัดแปลงเป็นของตกแต่งบ้านด้วยเช่นกัน

โอ้โหวข้อมูลเยอะแยะไปหมดเลยก็ว่าได้ครับ  เราหวังว่าจะสามารถช่วยทุกๆ ท่านให้เข้าใจมากขึ้นครับ