หลายๆ ท่านเคยเห็นและเคยได้ลองสวมใส่ผ้าไทยแบบต่างๆ กันบ้างใช่มั้ยหล่ะครับ ซึ่งหนึ่งในผ้าที่โด่งดังมาแต่ช้านานของประเทศไทยก็คงจะไม่มีใครไม่รู้จักกับ “ผ้าไหม” กันอย่างแน่นอน ซึ่งผ้าไหมนั้นมีประวัติมาอย่างยาวนาน อยู่คู่กับประวัติศาสาตร์ที่เราสามารถศึกษาได้และคงจะเคยได้ยินชื่อนั้นก็คือ “เส้นทางสายไหม” นั้นเอง และในวันนี้เราจะพาทุกๆ ไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “ผ้าไหม” กันด้วยหล่ะครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยยย!!

ผ้าไหม

ผ้าไหม คือ ผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากสัตว์จำพวกหนอนไหม โดยคายเส้นใยออกมาทางปากมีความยาวต่อเนื่อง เมื่อนำมาทอเป็นผืนผ้าทำให้อ่อนนุ่ม เป็นมัน เหนียว ยืดหยุ่นได้ดี ดูดซับความชื้น ย้อมสีง่ายและสวมใส่สบาย มีลวดลายสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ตามท้องถิ่นต่างๆ โดยผ้าไหมนั้นถูกทักทอมากจาก “ไหม” ที่ได้จากดักแด้ของรังหนอนไหมนั้นเองครับ

หนอนไหมคืออะไร?

หนอนไหม เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อชนิดหนึ่ง ซึ่งจะใช้เส้นใยที่นำมาทอผ้าไหมนั้น เป็นเส้นใยที่ได้จากรังหนอนไหม หนอนไหมเป็นตัวอ่อนของผีเสื้อชนิดหนึ่ง หลังจากผีเสื้อวางไข่ได้ 10 – 12 วัน ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวหนอนเรียกว่า “หนอนไหม” หนอนไหมเจริญเติบโตได้เร็วมาก เพาระกินใบหม่อนเป็นอาหาร การเลี้ยงไหมจึงต้องปลูกต้นหม่อนไปด้วยกัน

หนอนไหมต้องลอกคราบเป็นระยะ ๆ เมื่อมีอายุ 3 – 4 วัน หนอนไหมจะหยุดกินอาหารและอยู่เฉย ๆ ประมาณ 1 วัน จึงลอกคราบ ระยะนี้เรียกว่า ไหมนอน ต่อไปตัวและหัวจะใหญ่ขึ้นระยะนี้เรียกว่า ไหมตื่น มักจะกินอาหารจุมากในระยะนี้

โดยทั่วไปจะลอกคราบ 4 ครั้ง เมื่อโตเต็มที่อายุประมาณ 9 วัน จะหยุดลอกคราบเรียกระยะนี้ว่าไหมสุก มันหยุดกินอาหาร แล้วเริ่มทำงานโดยพ่นของเหลวชนิดหนึ่งออกมาทางปาก เมื่อของเหลวนี้ถูกอากาศจะแข็งตัวเป็นเส้นไหม ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ หุ้มตัวไหมไว้ เรียกว่า รังไหม เราได้เส้นใยไหมจากรังไหมนี้เอง หนอนไหมจะชักใยอยู่สร้างรังอยู่ประมาณ 2 – 3 วัน จะลอกคราบเป็นดักแด้ แล้วกลายเป็นผีเสื้อต่อไปตามวงจรชีวิตของมัน

3 ประเภทของผ้าไหมไทยที่แบ่งตามลักษณะการทอ

ผ้าไหมทอมือลายขัด เป็นผ้าไหมที่ทอด้วยวิธีการธรรมดาด้วยวิธีการสานขัดกันโดยใช้เส้นยืน และเส้นพุ่ง อาจเป็นสีเดียวกันหรือใช้สีต่างกัน ขัดสานกัน โดยเนื้อผ้าที่ได้จะเป็นเนื้อเรียบตลอดทั้งผืน เป็นผ้าที่นิยมใช้กันทั่วไปเพื่อนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าหรือประดิษฐ์ใช้ประโยชน์อื่นๆ อาทิ หมอน บุเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังเป็นผ้าไหมไทยที่ส่งออกต่างประเทศ

ผ้าไหมมัดหมี่ เป็นศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองชนิดหนึ่งนิยมทำมานานแล้ว ในภาคอีสาน และบางท้องที่ในเขตภาคกลาง เช่น จังหวัดสุพรรณบุรี อุทัยธานี กาญจนบุรี ลพบุรี และชัยนาท

วิธีการทำผ้ามัดหมี่ คือการมัดด้ายให้เป็นลายที่เส้นพุ่งหรือเส้นยืนด้วยเชือกแล้วนำไปย้อมสี โดยบริเวณที่ถูกมัดจะไม่ถูกการย้อมติดสีแล้วจึงนำมาทอเป็นผ้าเพื่อให้เกิดลวดลายตามต้องการ ทั้งนี้อาจต้องย้อมมัดหมี่หลายครั้งเพื่อให้เกิดลวดลายที่มีสีสัน และสวยงามมากขึ้น บางแห่งมีการทอผ้ามัดหมี่สลับกันกับลายขิด เพื่อเพิ่มความงดงามให้แก่ผ้าไหมมากยิ่งขึ้น ส่วนผ้ามัดหมี่จากสุรินทร์มีชื่อเสียงทั้งในด้านความสวยงามของเส้นไหม และลวดลายซึ่งได้รับอิทธิพลจากเขมร ในปัจจุบันมีการทอผ้ามัดหมี่กับหลายรูปแบบ มีการดัดแปลงลายพื้นบ้านผสมกับลายโบราณที่ถ่ายทอดสืบต่อมาเรื่อย ๆ อีกทั้งปัจจุบันผ้าไหมมัดหมี่ได้มีการนำมาออกแบบเสื้อผ้าสตรี บุรุษได้อย่างสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นมาก

ผ้าไหมลายน้ำไหล หรือเรียกชื่ออื่น อาทิ ผ้าเกาะหรือผ้าล้วง เป็นผ้าทอที่ทอให้มีลวดลายโดยใช้เทคนิคการทอ ลายขัดแต่ใช้เส้นด้ายพุ่งหลายสี ทอ (เกาะ) เป็นช่วงๆ โดยการเกี่ยวและผูกเป็นห่วงรอบเส้นด้ายยืน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อผ้า อาจผสมผสานกับลวดลายอื่น เช่น ลายจก ลายขิด เป็นต้น

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “ผ้าไหม” ที่มีเรื่องราวและข้อมูลต่างๆ มากมายที่เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยกันนะครับ